ชนิดและแหล่งสกัดของคอลลาเจน
อาหารที่กินแล้วได้คอลลาเจนแน่นอน
อาหารที่กินแล้วได้คอลลาเจนแน่นอน
October 30, 2020
กินคีโตทานเนยถั่วได้หรือไม่ ? มาไขความลับประโยชน์ดี ๆ ของเนยถั่ว
กินคีโตทานเนยถั่วได้หรือไม่ ? มาไขความลับประโยชน์ดี ๆ ของเนยถั่วที่มีมากกว่าที่คุณคิด !
July 14, 2021
ชนิดและแหล่งสกัดของคอลลาเจน

คอลลาเจนมีกี่ประเภท อะไรบ้าง

คอลลาเจนมีกี่ประเภท อะไรบ้าง และเราจะสามารถพบคอลลาเจนได้จากที่ใดกันบ้าง จริง ๆ แล้วคอลลาเจนในร่างกายมนุษย์มีอยู่หลายประเภทด้วยกัน คอลลาเจนสามารถแบ่งเป็น 13 ชนิด ตามลำดับของกรดอะมิโน แต่ประเภทที่พบบ่อย และจำเป็นต่อร่างกาย จะแบ่งออกเป็น 6 ประเภท คือคอลลาเจนประเภทที่ 1, 2, 3, 4, 5 และ 10

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเว็บคอลลาเจนยี่ห้อไหนดีได้ที่นี่ 10 อันดับคอลลาเจน ช่วยชะลอแก่ เผยผิวใส


ชนิดของคอลลาเจน

ชนิดของคอลลาเจน

คอลลาเจนประเภทที่ 1 (Collagen Type 1)

คอลลาเจนชนิดที่ 1 เป็นคอลลาเจนที่มีปริมาณมากที่สุด ถึง 90% ในร่างกาย ส่วนใหญ่พบในสัตว์ชั้นสูง บริเวณหนัง เอ็น และกระดูก คอลลาเจนชนิดนี้ประกอบด้วยกรดอะมิโนไกลซีนประมาณ 1 ใน 3 ของกรดอะมิโนทั้งหมด และส่วนของกรดอะมิโนที่ไม่บิดเป็นเกลียวสั้นที่ประกอบด้วยไทโรซีน และฮิสติดีน พบมากในผิวหนัง เส้นผม เล็บ ผนังหลอดเลือด กระดูก เส้นเอ็น รวมถึงอวัยวะต่าง ๆ คอลลาเจนชนิดนี้เป็นคอลลาเจนที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อร่างกาย เพราะช่วยเสริมสร้างกระดูก ช่วยรักษาบาดแผล สร้างความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง คอยปกป้องไม่ให้เนื้อเยื่อเกิดการฉีกขาด และเมื่อเราโตขึ้นคอลลาเจนชนิดที่ 1 นี้ จะถูกสังเคราะห์มาแทนที่คอลลาเจนชนิดที่ 3

คอลลาเจนประเภทที่ 2 (Collagen Type 2)

คอลลาเจนชนิดที่ 2 เป็นคอลลาเจนที่มีความสำคัญต่อร่างกายเช่นเดียวกัน เพราะคอลลาเจนชนิดนี้ช่วยในการเสริมสร้างกระดูกอ่อนที่พบได้ในเนื้อเยื่อต่างๆ ส่วนใหญ่พบในกระดูกอ่อน คอลลาเจนชนิดนี้มีปริมาณไฮดรอกซีไลซีนสูงกว่า type 1 ถึง 3 เท่า ซึ่งหากกระดูกอ่อนมีความแข็งแรง ก็จะทำให้ข้อต่อต่าง ๆ ในร่างกายของเราแข็งแรงไปด้วย ซึ่งคอลลาเจนชนิดนี้จะเป็นประโยชน์ในการป้องกันอาการเจ็บข้อต่อ หรืออาการของโรคไขข้อต่าง ๆ

คอลลาเจนประเภทที่ 3 (Collagen Type 3)

คอลลาเจนชนิดที่ 3 พบได้ปริมาณน้อย (ประมาณ 10%) มักพบในเส้นเลือด และมีการจับกับคอลลาเจน type 1 จึงพบ type 3 ปนกับคอลลาเจน type 1 หลังการสกัดคอลลาเจน เป็นคอลลาเจนที่เป็นตัวสร้างอวัยวะและผิวหนังของเรา ช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นและกระชับ อีกทั้งยังสร้างเส้นเลือดและเนื้อเยื่อภายในหัวใจ ดังนั้นหากร่างกายขาดคอลลาเจนประเภทที่ 3 อาจจะทำให้มีความเสี่ยงของเส้นเลือดแตก

คอลลาเจนประเภทที่ 4 (Collagen Type 4)

คอลลาเจนชนิดที่ 4 เป็นคอลลาเจนที่มีลักษณะความจำเพาะ มีหน้าที่ในการสร้างเบซัลลามินา พบได้เฉพาะบริเวณเส้นใยฝอยในเยื่อแผ่นบาง ๆ บริเวณนอกเซลล์ พบได้ในเซลล์เยื่อบุผนังทึบที่สร้างเนื้อเยื่อที่ล้อมรอบอวัยวะกล้ามเนื้อและไขมัน และยังมีความจำเป็นสำหรับการทำงานของระบบประสาทและเส้นเลือดอีกด้วย

คอลลาเจนประเภทที่ 5 (Collagen Type 5)

คอลลาเจนชนิดที่ 5 เป็นคอลลาเจนที่สร้างพื้นผิวของเซลล์ เนื้อเยื่อต่างๆ และเส้นผม

คอลลาเจนประเภทที่ 10 (Collagen Type 10)

คอลลาเจนชนิดที่ 10 เป็นคอลลาเจนที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกใหม่ และกระดูกอ่อนของข้อ ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่มีประโยชน์ในการรักษาอาการกระดูกแตก และซ่อมแซมข้อต่อ

เรื่องน่ารู้ก่อนเลือกทานคอลลาเจน Tripeptide, Dipeptide, Peptide ต่างกันอย่างไร? ค้นหาคำตอบได้ในบทความแนะนำนี้


แหล่งสกัดคอลลาเจน

ชนิดและแหล่งสกัดของคอลลาเจน

คอลลาเจนจากวัว

คอลลาเจนจากวัวอุดมไปด้วยคอลลาเจนประเภทที่ 1 และประเภทที่ 2 ซึ่งนำมาจากส่วนผิวหนัง กล้ามเนื้อและกระดูกของวัว คอลลลาเจนชนิดนี้ถูกใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางมานานกว่า 30 ปี แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ ชนิด phosphate buffered saline เหมาะกับรอยย่นตื้น ๆ และชนิด cross-linked bovine collagen fibril ที่ทนต่อการถูกทำลายด้วยเอนไซม์ collagenase เหมาะสำหรับรอยย่นลึก เช่น บริเวณร่องปาก รอยย่นบริเวณหน้าผาก แต่มีข้อเสีย คือ มักพบอาการแพ้

คอลลาเจนจากไก่

คอลลาเจนประเภทที่ 2 ถูกพบมากในไก่ โดยเฉพาะตีนไก่ ซึ่งคอลลาเจนประเภทนี้ช่วยบำรุงข้อต่อและผิวพรรณ ลดการอักเสบ อาการปวดหลังและคอ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และยังช่วยชะลอความชราได้อีกด้วย

คอลลาเจนจากปลา

คอลลาเจนจากปลาที่พบส่วนใหญ่เป็นคอลลาเจนประเภทที่ 1 เป็นคอลลาเจนที่ผลิตได้จากส่วนต่างๆของปลา เช่น เนื้อ และเกล็ด ถือเป็นแหล่งคอลลาเจนที่มีมาก และหาได้ง่าย ซึ่งคอลลาเจนประเภทนี้ดูดซึมง่ายมาก ๆ และจะได้ผลดีหากทำงานร่วมกับวิตามินซี ช่วยบำรุงผิว ข้อต่อ กระดูก เส้นเลือดและการย่อยอาหาร

คอลลาเจนจากไข่

คอลลาเจนจากไข่มีมากมายหลายประเภทของคอลลาเจนที่พบ เช่น คอลลาเจนประเภทที่ 1, 3, 4, 10 ซึ่งคอลลาเจนประเภทเหล่านี้จะอยู่ในเปลือกไข่และไข่ขาวช่วยสร้างเนื้อเยื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อและรักษาบาดแผล ฟื้นฟูระบบย่อยอาหาร

คอลลาเจนจากหมู

เป็นคอลลาเจนที่ผลิตจากเนื้อหมู ซึ่งประเทศสหรัฐอเมริกาได้รับรองผลการใช้ และอนุญาตให้ใช้สำหรับการลบเรือนริ้วลอย และร่องลึกได้ แต่ต้องระวังสำหรับผู้มีประวัติ anaphylactic shock หรือมีปฏิกิริยาภูมิไว ข้อดีของคอลลาเจนชนิดนี้ คือไม่พบอาการแพ้ และให้ประสิทธิภาพการรักษาคงทนได้นานกว่าคอลลาเจนที่ได้จากเนื้อวัวและมนุษย์ ซึ่งอาจได้นานมากกว่า 1 ปี

คอลลาเจนจากมนุษย์

เป็นคอลลาเจนที่ได้จากเซลล์ไฟโบบลาสท์จากการเพาะเลี้ยง ใช้สำหรับการเติมเต็มบริเวณริมฝีปาก และแก้ปัญหาริ้วรอย รอยแผลเป็น รวมถึงปัญหาเนื้อเยื่ออ่อนที่มีลักษณะผิดปกติ ประสิทธิภาพการรักษาจะเหมือนกับคอลลาเจนที่ได้จากเนื้อวัว แต่ระยะความคงทนจะสั้นกว่า แต่มีข้อดี คือ ไม่พบอาการแพ้เหมือนคอลลาเจนจากเนื้อวัว


สรุปชนิดและแหล่งสกัดคอลลาเจนที่สำคัญ

ทั้งหมดนี้ก็เป็นประเภทของคอลลาเจนทั้ง 6 ประเภท ที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่ที่จำเป็นที่สุดคือคอลลาเจนชนิดที่ 1, 2 และ 3 และนอกจากแหล่งสกัดคอลลาเจนจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว เราสามารถหาทานคอลลาเจนชนิดเหล่านี้ได้จากอาหารการกิน มีคอลลาเจนอยู่ในอาหารหลากหลายชนิด เช่น เอ็นสัตว์ กระดูกอ่อนของสัตว์ เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ ปลาทะเลน้ำลึก ปลาทู ปลาแซลมอน พืชผักสีเขียว สาหร่ายทะเล เห็ด ธัญพืช และผักผลไม้สีแดง


อ้างอิง :

Weerapat Phimthongchai
Weerapat Phimthongchai
จบการศึกษาจากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปัจจุบันทำธุรกิจส่วนตัวและเป็นนักเขียนอิสระครับ ผมมีความสนใจในเรื่องการดูแลสุขภาพโดยรวม การดูแลรูปร่างและผิวพรรณผ่านการใช้สารสกัดและอาหารเสริมต่าง ๆ เลยอยากแบ่งปันความรู้เผื่อจะเป็นประโยชน์ให้แก่ผู้อ่านทุกท่านครับ